มาเที่ยวกรุงเทพกันเถอะ...

เที่ยวไทยคึกครื้น เศรษฐกิจไทยคึกคัก คำขวัญประโยคนี้เราเคยได้ยินมานานครับ แต่ยุคเศรษฐกิจแบบนี้จะไปเที่ยวไกล ๆ บางทีก็ไม่ไหว ทั้งกำลังทรัพย์และเวลาก็ไม่เอื้ออำนวยใช่มั้ยครับ เพราะฉะนั้น เราจึงขออาสาพาเที่ยวในเขตกรุงเทพฯ นี่แหละครับ บางทีของดีก็อยู่ไม่ไกลตัวเราเลย และนี่คือสถานที่ที่มีทั้งที่เที่ยว ที่เราคิดว่าครั้งนึงน่าจะได้ไปเยือนกันครับ.......


วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

ร้านจันผา.....ใกล้ๆๆๆบ้านเรา5555+

ร้านจันผาตั้งอยู่บนถนน เลียบทางด่วนรามอินทรา เอกมัย ถ้าขับมาจากทางพระราม9 ก็ตรงดิ่งข้ามสะพานไปเรื่อยๆ เลยครับ พอข้ามสะพานที่ตัดถนน เกษตรนวมินทร์ ก็ให้ชิดซ้ายได้เลย อีกนิดเดียวก็จะเห้ฯป้ายร้านให้เลี้ยวไปจอดข้างหลังได้ มีที่จอดมากมาย ตอนแรกนึกว่ามีแค่ลานเล็กๆ แต่เลี้ยวไปข้างหลังนี่จอดได้อีกทั้งหมู่บ้านเลย

วันนี้ผมสั่งอาหาร ดังนี้ เกี๊ยวห่อชีสทอด ไก่โฟร์วีล(ไก่ทอดกับกระชายทอดกรอบ) กระทิงคลุกฝุ่น(เนื้อผัดพริกไทยใส่กระชาย) แกงส้มปลาช่อนทอด แล้วข้าวผัดเนื้อเค็ม ผมจำราคาไม่ได้จริงๆ ตอนหลังจะขอใบเสร็จที่มีรายการอาหารเค้าก็บอกพิมพ์ให้ไม่ได้ แต่จำได้ว่า หมดนี่รวมน้ำด้วยก็ 700กว่าบาท ถือว่าไม่แพงเลยครับ

เรื่องรสชาติอาหาร ต้งแต่ผมทานมาหลายๆร้าน ผมยกให้เกี๊ยวห่อชีสทอดของที่นี่อร่อยที่สุด เนื่องจากใส่ชีสเยอะกัดแล้วรู้สึกได้ และมีการชุบด้วยเกล็ดขนมปังก่อนทอดอีกด้วย ถือเป็นเมนูต้องลองเลยครับ ส่วน ไก่โฟร์วีลก็รสชาติดีแต่ผมว่าให้น้อยไปหน่อย หนักกระชายเกินไปเลยทำให้รู้สึกแพง ด้านกระทิงคลุกฝุ่นกับข้าวผัดเนื้อเค็มอร่อยครับ โดยเฉพาะกระทิงคลุกฝุ่น ถ้ามีโอกาสก็ลองดูนะครับ ส่วนอันสุดท้ายแกงส้มปลาช่อนทอดเป็นเมนูเดียวที่ไม่ผ่าน เพราะว่าน้ำแกงส้มไม่แซ่บเลยครับ สู้ร้าน แกงส้ม แกงเลียงที่ตึก United centerไม่ได้ อย่าเผลอสั่งละกันนะครับ

หลังของคาวก็ต้องตบด้วยของหวาน ของหวานของร้านจันผาไม่มีอะไรน่าสนใจครับ แต่เราสามารถบอกพนักงานให้เอาเค๊กของร้าน Coffee loveซึ่งอยู่ติดกันมาให้เลือกได้ ผมสั่ง บลูเบอรี่ชีสพาย กับ ทาร์ตสตรอเบอรี่ไป ซึ่งอร่อยดีครับ

จันผาเป็นอีกร้านที่ดนตรีเพราะ ปกติคืนวันศุกร์ เสาร์ จะมีวงI-Zax มาเล่นด้วย แต่เมื่อคืนสงสัยเพราะฝนตกทำให้ต้องย้ายไปเล่นด้านใน ทำให้เวลาน่าจะคลาดเคลื่อนเพราะตอนผมกลับวงที่สองเพิ่งเล่นจบเอง เลยอดฟังI-Zax เลยยังไงจันผาก็เป็นอีก1ร้านที่น่าไปลองครับ เพราะราคาอาหาร เทียบกับรสชาติและบรรยากาศแลวถือว่าคุ้มครับ โทรจองได้ที่เบอร์ 02-9078115

"In Love" ร้านโรแมนติคชวนนั่ง ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา.....

"In Love" ร้านโรแมนติคชวนนั่ง ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ให้คุณสวีทกับคนพิเศษชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น และแสงไฟสวยๆ ของสะพานพระราม 8 ยามค่ำคืน

นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยๆ ขอเชิญมาปล่อยอารมณ์ผ่อนคลายกับ Vodka Jet (150 บาท) หรือ Mai Thai (150 บาท) Cocktail ดีกรีเบาๆ จากนั้นไปอร่อยเพลินปากกับเมนูเด็ดอย่าง ยำส้มโอไก่กรอบ (120 บาท) เนื้อไก่ฉีกเป็นเส้นๆ ทอดจนกรอบ โรยหน้ามาบนส้มโอ ราดด้วยน้ำยำรสรสกลมกล่อม

ต่อด้วย หมูขมา (120 บาท) คอหมูย่างชิ้นพอดีคำ ราดน้ำยำรสจัดออกหวานนำ เปรี้ยวตามเผ็ดกำลังดี แถมมีคะน้ากรุบกรอบแกล้มด้วย เมนูสุดท้ายคือ ไก่ผัดกะเพรากรอบ (120 บาท) เนื้อไก่คลุกแป้งทอดกรอบ นำมาผัดกับน้ำซอสสูตรเฉพาะ ออกรสหวานอมเผ็ดนิดหน่อย ทานเคียงกับใบกะเพราทอดกรอบ

ถ้าอยากมาร้าน In Love ก็ไม่ยากเลย อยู่ที่ถนนกรุงเกษม หากเดินทางมาจากด้านตลาดเทเวศร์ พอข้ามสะพานแล้วให้เลี้ยวขวาเข้ามาทางท่าน้ำเทเวศร์ ตรงมาเรื่อยๆ จนสุดทาง จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ติดกับท่าเรือเลย

ร้าน สามเสนสโมสร แนะนำสุดๆๆๆ

ร้าน สามเสนสโมสร ชื่อก็บอกแล้วว่าอยู่แถวไหน ด้วยบรรยากาศที่เน้นความเรียบง่าย โล่งๆ โปร่งตา รับลมเย็นๆ ได้ตลอดเวลา การตกแต่งร้านจัดแบ่งเป็น 3 โซน เริ่มจากตัวบ้านเก่าที่มีโต๊ะโกลด์และพูลให้เล่นกันสนุกๆ ถัดมาเป็นโซน Open Air ดูสบายตาด้วยโทนสีขาวของโต๊ะเก้าอี้ และบริเวณบาร์ใต้ต้นไทรใหญ่ประดับโคมไฟ ทั้งยังได้สัมผัสกับทัศนียภาพยามเย็นของแม่น้ำเจ้าพระยา และแสงไฟจากสะพานพระราม 8 ได้อีกต่างหากแนะนำให้มาถึงค่ำหน่อยก็ดีค่ะ จะได้ทานข้าวก่อนถึงเวลาลอยกระทงไง ว่าแต่คงอยากรู้กันแล้วว่าร้านนี้เค้ามีอะไรเด็ดๆ มานำเสนอ

เริ่มเมนูออร์เดิร์ฟ ไก่ทอดเกลือ (150 บาท) ชิ้นไก่เนื้อแน่น คลุกเกลือและชุบแป้งทอด กัดแล้วกรอบนอกนุ่มใน ถัดมาเป็นเมนูยอดฮิต กุ้งสามเสน (200 บาท) กุ้งแม่น้ำตัวโตราดด้วยน้ำเครื่องต้มยำเข้มข้น อีกจานไม่ควรพลาด ปลาเก๋าผัดพริกไทยดำ (150 บาท) เนื้อปลาคลุกแป้งทอดก่อนจะผัดกับเครื่องพริกไทย อร่อยแบบเผ็ดนิดๆและเมนูใหม่ล่าสุดจากครัว ปูนิ่มหลน (120 บาท) ที่ทานเนื้อปูได้ทั้งหมด ชิมน้ำหวานนำ ทานเคียงกับผักสดผักลวกที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน หลังจากอิ่มท้องได้สักพักแล้วลองตบท้าย Enjoy Soi Samsen (120 บาท) ค็อกเทลดีกรีเบาๆ สำหรับคุณสุภาพสตรี ที่มีกลิ่นหอมรสชาติหวานเปรี้ยว ด้วยส่วนผสมของเหล้ารัม และ Cointreauพอจะรู้จักร้านนี้กันมากขึ้นบ้างแล้ว ส่วนเรื่องการเดินทางมาร้าน สามารถดูเส้นทางได้ตามแผนที่ มาได้จากปากซอย 3 และ 5 ให้จอดรถบริเวณวัดสามพระยา ทางร้านมีรถกอล์ฟบริการรับ-ส่งจากปากซอยมายังร้าน....

ร้านอีกร้านนึงก้อได้บรรยากาศสุดๆๆๆๆ...ร่มไม้ ชายคา (เรือนแก้ว)

ร้านอาหารที่ค่อนข้างหลากหลาย คือมีทั้ง คาราโอเกะ และ บริเวณสำหรับนั่งชิลล์ ให้ทุกคนได้รู้จัก ร้าน "ร่มไม้ ชายคา" เป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ที่ให้บริการทั้งเรื่องอาหารอันเลิศรส และมีคาราโอเกะบริการ ให้กับผู้ที่รักและชื่นชอบในการร้องเพลงแบบมันๆ ได้สนุกสนานพร้อมกับอิ่มสำราญกับอาหารกันอย่างเต็มที่ ด้วยบรรยากาศของร้านร่มไม้ ชายคา อันกว้างขวางนั้นได้ถูกจัดสรรแบ่งโซนพื้นที่นั่งในร้านออกเป็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ห้องคาราโอเกะ 9 ห้อง ตกแต่งสไตล์สดใสด้วยแสงสีที่ไม่ซ้ำกัน บริการความบันเทิง มีถ่ายทอดฟุตบอลสด และ ยังมีโซนโต๊ะนั่งแบบสบายๆ เหมาะแก่การมานั่งกินข้าวแบบครอบครัว

ร้านต่อไปเป็นอาหารแบบไทยๆๆ...ร้านอาหาร - ครัวดอกไม้ขาว

"ครัวดอกไม้ขาว" ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยแบบปากต่อปาก แต่เอ..
จะเชื่อได้อย่างไร ถ้าเราไม่ไปพิสูจน์เอง ว่าแล้วก็ออกเดินทางมายังเป้าหมายซึ่งอยู่บนถนนบำรุงเมืองที่การจราจรค่อนข้างวุ่นวาย จากหน้าร้านเล็กๆ เดินผ่านประตูเข้ามาด้านใน สัมผัสบรรยากาศและการตกแต่งที่ดูเรียบง่ายไตล์ Cozy ดูโปล่งโล่งสบายตาน่านั่งไปทุกมุม อีกทั้งยังการต้อนรับที่อบอุ่นเป็นกันเอง เหมาะจะมาทานข้าวกันเป็นครอบครัว หรือจะควงแขนคนสนิทมาด้วยจริงๆ มาดูเรื่องอาหารการกินกันบ้าง ที่นี่มีหลายหลากเมนูให้เลือกทั้งอาหารไทย จีน ฝรั่ง รวมไปถึงเบเกอรี่และเครื่องดื่ม ว่าแล้วมาเริ่มอร่อยกับเมนูเรียกน้ำย่อยจานแรกคือ เมี่ยงคำ (115 บาท) ใบชะพลูอ่อนพร้อมเครื่องเคียงต่างๆ หอมแดง ขิง พริกขี้หนู มะนาว ถั่วลิสงคั่ว มะพร้าวคั่ว กุ้งแห้ง และกากหมูทอดไร้มัน ทานกับน้ำเมี่ยงสูตรพิเศษ อร่อยเพลินแถมประโยชน์เพียบ ต่อด้วย โรตี - แกงเขียวหวานไก่ (85 บาท) น้ำแกงหวานมันเข้มข้นเข้าเนื้อ ทานกับแป้งโรตีทอดกรอบแบบพอดี หรือลองเมนูกับข้าวอย่าง ต้มแซ่บกระดูกหมูอ่อน (125 บาท) เสิร์ฟแบบหม้อไฟ ตักน้ำซุปรสจัดจ้านซดทานร้อนๆ พร้อมกระดูกหมูอ่อนที่เคี่ยวจนนุ่มอร่อยขอลองเมนูอินเตอร์ หอยลายอบเนยกระเทียม (145 บาท) หอยลายตัวอวบอบเสร็จใหม่ๆ เนยเกรียมเยิ้ม ทานกับขนมปังกระเทียมอบกรอบ ส่วนคนรักเส้นห้ามพลาด สปาเก็ตตี้กุ้งแม่น้ำย่าง (135 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มผัดกับซอสมะเขือเทศสูตรเข้มข้นรสหวานอมเปรี้ยว มาพร้อมกับกุ้งแม่น้ำตัวโตย่างสุกหอมกรุ่นหวานหอม และสุดท้ายเป็น ก๋วยเตี๋ยวผัดซอสกุ้งแม่น้ำ (125 บาท) เมนูจานเดียวอิ่มสไตล์จีนๆ ที่ใช้ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ผัดกับไข่ เคียงกับเนื้อกุ้งย่างในน้ำซอสคลุกคลิกรสกลมกล่อม พร้อมผักลวกหวานกรอบนอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่โฮมเมดมาให้เราอร่อยกันต่อแนะนำ ทีรามิสุเค้ก (60 บาท) เค้กเนื้อนุ่มทำด้วยครีมสอดไส้กาแฟ โรยผงโกโก้หวานนุ่ม จับคู่ทานกับ ชาไทยนมร้อน (65 บาท) กลิ่นหอมรสละมุน ฟองนมนุ่มลิ้น หรือเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ อย่าง ไอซ์คาปูชิโนปั่น (115 บาท) สูตรพิเศษหอมกลิ่นกาแฟเข้มข้นรสหวานมันถึงตอนนี้ We Recommend ได้พิสูจน์แล้วและขอคอนเฟิร์มว่าเมนูอาหารของที่นี่อร่อยถูกปากจริงแท้แน่นอน เราถึงได้มาบอกต่อให้แฟนๆ BKKMENU.com ทุกท่านได้ไปอิ่มอร่อย ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่ "ครัวดอกไม้ขาว" การเดินทางถ้ามาจากมาบุญครองข้ามสะพานยศเส ร้านอยู่ทางด้านซ้ายมือ เยื้องรพ. หัวเฉียว มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน สามารถหาที่จอดรถได้ในซอยข้างร้านนะคับ...........




ร้านอาหารที่แนะนำ..โคขุนโพนยางคำ เกษตร-นวมินทร์ สาขาแจ้งวัฒนะ ไม่ต้องไปกินที่ สกลนครแล้ววว..

เนื้อโคขุนโพนยางคำ เป็นเนื้อโคธรรมชาติ Natural Beef ปราศจากฮอร์โมนหรือสารเร่งการเจริญเติบโต ที่มีการควบคุมและกำกับ ขั้นตอนต่างๆ อย่างเป็นระบบตั้งแต่การคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ การผสม การเลี้ยง การขุน จนถึงขบวนการผลิตเป็นเนื้อโคขุน ถูกสุขลักษณะตามหลักสากล ทำให้เนื้อโคขุนโพนยางคำเป็นเนื้อชั้นดี มีคุณภาพ ไม่แพ้เนื้อโคนำเข้าจากต่างประเทศ ที่เกริ่นนำกันมาเสียหลายวรรคตอน ก็เพียงเพื่อต้องการให้ท่านทั้งหลาย ได้ทราบที่มาที่ไปเกี่ยวกับคำว่า เนื้อโคขุนโพนยางคำ กันพอสังเขปสำหรับท่านที่ทราบอยู่แล้วก็ถือว่าเป็นการทบทวนกันอีกรอบก็แล้วกันนะครับ คำว่า โพนยางคำ จึงเปรียบเหมือนเครื่องหมายการค้าอันเป็นผลผลิตจากสหกรณ์การเลี้ยงปศุสัตว์ กรป.กลาง บ้านโพนยางคำ ต.โนนหอม อ.เมือง จ.สกลนคร นั่นเองจวบจนเมื่อมีการเปิดร้านอาหารในแนวปิ้งย่างลวกจิ้ม โดยนำเนื้อโพนยางคำมาเป็นตัวชูโรง จึงทำให้ชื่อนี้เป็นที่ติดหูของผู้คนทั่วไป มากกว่าจะจำกัดอยู่ในหมู่นักนิยมบริโภคเนื้ออย่างแต่ก่อนคุณกฤตพล คงประสม หรือ คุณโด่ง ก็เป็นผู้พิสมัยรสชาติของเนื้อโคขุนอีกผู้หนึ่ง ที่ได้ลิ้มลองมาหมดแล้ว ทั้งของพื้นบ้านราคาหลักสิบต่อกิโลกรัม จนถึงของนำเข้าราคาวเรือนหมื่น สุดท้ายก็มาจบที่เนื้อโคขุนโพนยางคำ ร้านโคขุนโพนยางคำ เกษตร-นวมินทร์
 จึงเกิดขึ้นตามความชื่นชอบส่วนตัว ที่อยากแบ่งปันความรู้สึกนั้นให้กับนักชิมทั้งหลาย และอาจเรียกได้ว่าเป็นร้านในยุคแรก ซึ่งปลุกกระแสโพนยางคำ(สามคำจำให้มั่น) เลยก็คงไม่ผิดนักร้านแรกถือว่าได้รับการตอบรับ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จึงได้ขยายตัวเกิดสาขาแห่งที่สองคือ สาขาแจ้งวัฒนะแบ่งเบาภาระการเดินทางให้กับลูกค้าที่เคยเดินทางไปย่านเกษตร-นวมินทร์ ได้ไม่น้อยทีเดียว เริ่มเปิดทดลองระบบมาตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมของปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ก็ได้ฤกษ์เปิดเต็มตัวไปแล้วในชื่อ “โคขุนโพนยางคำ เกษตร-นวมินทร์ สาขาแจ้งวัฒนะ” นามเดิมเพิ่มสาขาต่อท้าย แต่ยังคงรักษามาตรฐานไว้คือ เป็นเนื้อโคขุนที่มีคุณภาพจากสหกรณ์ฯ โพนยางคำ โดยตรง

ด้วยความที่เนื้อจากสหกรณ์ฯ โพนยางคำ ผ่านการชำแหละในโรงชำแหละที่ได้มาตรฐาน กำกับดูแลโดยสัตวแพทย์ตลอดวงจรการผลิตมีระบบการจัดการกับตามหลักสากลเช่น การเก็บบ่ม (Chilled) ในห้องควบคุมอุณหภูมิ ด้วยระยะเวลาที่เหมาะสม ฯลฯ ก่อนจะนำส่งออกไปยังที่ต่างๆ การเก็บรักษาเนื้อจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับ ผู้ที่จะนำเนื้อไปจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ ซึ่งเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์จะอยู่ในธุรกิจร้านอาหารเป็นหลักคุณโด่งก็ได้ให้ความสำคัญกับการเก็บรักษาในห้องเย็นที่ได้มาตรฐาน จัดวางอย่างถูกวิธี ซึ่งแม้แต่ผมเองก็เพิ่งจะทราบเหมือนกันว่าการเรียงเนื้อเข้าห้องเย็น ก็ต้องมีหลักวิชาการจัดวางเหมือนกัน ไม่ใช่วางสุ่มสี่สุ้มห้าเหมือนเขียงเนื้อตามตามตลาดทั่วไป ฟังคุณโด่งเล่าเรื่องราวต่างๆ พร้อมกับชิมอาหารที่ลำเลียงมาเป็นระยะๆ แล้ว ทำให้ได้ข้อคิดขึ้นมาว่า ถ้าคิดอยากจะเปิดร้านอาหารมันก็ทำได้ไม่ยากแต่จะทำให้ดีนั้นลำบากกว่าหลายเท่านัก หากเราซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ สิ่งนั้นก็จะให้คุณกับเราเองส่วนเรื่องรสชาติผมไม่อยากจะพูดอะไรมาก ผ่านตลอดทั้งปิ้งย่าง กระทะร้อน ตุ๋น ยำ ทอด ฯลฯ ทั้งที่มีเนื้อเป็นวัตถุดิบหลัก ไปจนถึงเนื้อสัตว์อื่นๆ ทั้งบกและน้ำ เพราะถ้าไม่ดีจริงคงไม่มีสาขา 2 อันนี้ผมไม่ได้เชียร์นะครับ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ





คราวนี้เรามาเที่ยวร้านอาหารอร่อยๆๆๆในกรุงเทพกันมั่งชิมไปเรื่อยๆๆๆๆ

  1. ตลาดสามย่านใหม่ หลังจากที่คืนวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2551 ตลาดสามย่านเดิมที่อยู่ตรงข้ามจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ต้องมีอันปิดตัวไป หลายคนที่เคยมีความทรงจำดี ๆ กับร้านสเต็กอร่อย ๆ ร้านซีฟู้ดสด ๆ ได้ทำใจว่าต่อไปคงไม่มีอีกแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะเขาเพียงแค่ทำการย้ายที่เท่านั้น ที่ใหม่นั้นทั้งสดและใหม่กว่าเดิมครับ ตลาดสามย่านใหม่ที่ว่าตั้งอยู่ที่หลังสนามกีฬาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (หรือสนามจุ๊บนั่นเอง) ไกลกว่าเดิมนิดหน่อย แม้จะเปลี่ยนที่ แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิมครับ

  2. ตลาดน้ำตลิ่งชัน  ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางขุนศรี หรือที่เรียกว่า "คลองชักพระ" โดดเด่นด้วยความสวยงามของบรรยากาศย้อนยุคที่มลพิษยังไม่มารบกวน สถานที่แห่งนี้เป็นตลาดกึ่งชนบท ที่ผสมผสานวิถีชีวิตริมน้ำของชาวบ้านกับธรรมชาติเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผู้คนต่างทำมาหากินในระดับชีวิตแบบพอเพียงด้วยการเก็บพืชผัก ผลไม้ จากไร่สวนมาขายทำให้ผลผลิตที่วางเรียงรายขาย จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล ที่นี่มีทั้งขนมหวานและอาหารที่หาได้ยากรวมทั้งงานต้นไม้ และกล้วยไม้หลากชนิดที่ส่งตรงจากสวน
    และยังมีร้านอารอร่อยๆๆๆให้ทานอีกด้วย